Cardiac Cancer

รู้เท่าทัน โรคมะเร็งหัวใจ

รู้เท่าทัน “มะเร็งหัวใจ” โรคหายาก ลุกลามเร็ว มะเร็งหัวใจ (Cardiac Cancer)  เป็นโรคที่พบได้น้อยมากเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น แต่สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย ส่วนมากแพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น ซึ่งจะแพร่มาที่ผนังหัวใจด้านนอกและช่องเยื่อบุหัวใจ แต่มะเร็งที่เกิดในหัวใจเองมักเป็นในผนังชั้นกลาง จึงเป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ผนังหลอดเลือด หรือเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจ ที่เรียกว่า Angiosarcoma และ Rhabdomyosarcoma โดยมะเร็งหัวใจทั้ง 2 กลุ่มไม่ค่อยตอบสนองต่อการฉายแสงและยาเคมีปาบัด จึงต้องใช้วิธีรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเอามะเร็งออกให้หมด มะเร็งหัวใจสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก 1. มะเร็งหัวใจชนิดปฐมภูมิ (Primary Cardiac Tumor) เกิดจากเซลล์ภายในหัวใจเอง ส่วนใหญ่เป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (Myxoma) ชนิดร้ายแรง เช่น Angiosarcoma หรือ Rhabdomyosarcoma 2. มะเร็งหัวใจชนิดทุติยภูมิ (Secondary Cardiac Tumor) เกิดจากการแพร่กระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่น เช่น ปอด เต้านม หรือเม็ดเลือด (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) อาการของมะเร็งหัวใจ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก แต่มักมีอาการดังนี้ เหนื่อยง่าย หอบ ไอเรื้อรัง มีไข้ต่ำ…

ธนบุรี เสริมรัฐ_อาหารเสี่ยงมะเร็ง หลีกเลี่ยง ลดเสี่ยง หัวใจแข็งแรง_TSR

อาหารที่ควรเลี่ยง ถ้าอยากหากไกลมะเร็ง และหัวใจแข็งแรง

กินดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! อาหารที่ดีต่อหัวใจก็ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้เช่นกัน วันนี้พามาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง และอาหารอะไรบ้างที่ช่วยลดความเสี่ยง

ธนบุรี เสริมรัฐ_ควันบุหรี่และ PM 2.5 กับหัวใจ_TSR

ควันบุหรี่และ PM 2.5 ศัตรูร้ายของหัวใจ

ควันบุหรี่และ PM 2.5 ศัตรูร้ายของหัวใจและตัวการกระตุ้นมะเร็ง ควันบุหรี่และ PM2.5 ศัตรูร้ายของหัวใจและตัวการกระตุ้นมะเร็ง รู้ไหมว่า ควันบุหรี่และ PM 2.5 นั้นอันตรายไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าไม่สูบเอง แต่สูดดม ก็เสี่ยงทั้งมะเร็งและโรคหัวใจ ควันบุหรี่และ PM2.5 ส่งผลยังไง? ❌   เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งปอด ช่องปาก และกระเพาะอาหาร❌   ทำให้หลอดเลือดตีบ เพิ่มความเสี่ยงหัวใจวาย❌   ควันบุหรี่มือสอง อันตรายไม่ต่างจากการสูบเอง❌   PM2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เส้นเลือดของเรามีปัญหา และส่งผลต่อหัวใจของเรา❌   ฝุ่นพิษกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและความดันโลหิตสูง เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งและโรคหัวใจ   ❌ เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งปอด ช่องปาก และกระเพาะอาหาร  ❌ ทำให้หลอดเลือดตีบ เพิ่มความเสี่ยงหัวใจวาย  ❌ ควันบุหรี่มือสอง อันตรายไม่ต่างจากการสูบเอง  ❌ PM2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เส้นเลือดของเรามีปัญหา และส่งผลต่อหัวใจของเรา  ❌ ฝุ่นพิษกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและความดันโลหิตสูง…

ธนบุรี เสริมรัฐ_โรคหัวใจกับอาหาร_TSR

โรคหัวใจกับอาหาร​

โรคหัวใจกับอาหาร ผู้ป่วยโรคหัวใจ เลี่ยงได้ ชีวิตดีขึ้นแน่นอน ผู้ป่วยโรคหัวใจต้องรู้ เลี่ยงได้ ชีวิตดีขึ้นแน่นอน การกินคือเรื่องที่ต้องได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจการควบคุมอาหารจะช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับหัวใจของเราได้ แล้วโรคหัวใจ ห้ามกินอาหารอะไร ? อาหารที่มีไขมันทรานส์สูง อาหารที่ผ่านการทอดกรอบ หรือขนมอบ เช่น โดนัท คุกกี้ หรือมันฝรั่งทอด เพราะไขมันทรานส์จะเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดอุดตันได้ อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ไขมันจากเนื้อสัตว์ติดมัน เนย หรือครีมเทียม มักจะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ (ทริป: เลือกโปรตีนจากปลา เต้าหู้ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน) อาหารที่มีโซเดียมสูง เกลือและโซเดียมที่มากเกินไปทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อหัวใจ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารแปรรูป (ทริป: ลดการปรุงรสด้วยเหลือ เลือกทานอาหารสดแทนอาหารแปรรูป) อาหารที่มีน้ำตาลสูง เค้ก น้ำอัดลม หรือแม้แต่ชานมไข่มุก อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มและเสี่ยงต่อโรคเบาหวานอีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงโรคหัวใจ (ทริป: ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลหรือ เลือกทานผลไม้สดแทนขนมหวาน) ลดอาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง ปลาหมึก หอยนางรม…

Tricks for keeping your heart healthy

ทริคในการดูแลสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง

ทริคง่าย ๆ ในการดูแลหัวใจให้แข็งแรง สุขภาพหัวใจที่ดีเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน หากคุณต้องการดูแลหัวใจให้แข็งแรงและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ลองทำตามทริคเหล่านี้ 1. เลือกอาหารที่หัวใจรัก ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และควินัว ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล กินปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น แซลมอน แมคเคอเรล หรือซาร์ดีน อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เปลี่ยนมื้อขนมเป็นถั่วหรืออัลมอนด์ เพราะช่วยลดคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และลดความหนืดของเลือด 2. ขยับร่างกายมากขึ้น เดินเล่นรอบบ้านหรือที่ทำงานทุก ๆ 30 นาที หากทำงานที่ต้องนั่งนานตลอดวัน ลองปรับเปลี่ยนกิจวัตรบางอย่างให้เป็นการออกกำลังกาย เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ แบ่งเวลาประมาณ 10-15 นาทีต่อวันสำหรับโยคะ หรือการออกกำลังกายแบบยืดเส้นยืดสาย 3. ลดเครียดแบบง่าย ๆ หายใจลึก ๆ 5 นาทีต่อวัน ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต จดบันทึกขอบคุณ เขียนสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีในแต่ละวัน…

Psychological Resilience

ความยืดหยุ่นทางจิตใจ ดีต่อโรคหัวใจยังไง

ความยืดหยุ่นทางจิตใจ ดีต่อโรคหัวใจยังไง ความยืดหยุ่นทางจิตใจ (Psychological Resilience)  มะเร็งหัวใจ (Cardiac Cancer) เป็นโรคที่พบได้น้อยมากเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น สาเหตุที่มะเร็งหัวใจเกิดขึ้นได้น้อยมีความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ เช่น หัวใจมีการไหลเวียนของเลือดที่ดีอยู่เสมอ ทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตได้ยาก 1. ลดความเครียดที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความเครียดเรื้อรังเพิ่มฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตสูงและเกิดการอักเสบในหลอดเลือด การมีความยืดหยุ่นทางจิตใจช่วยให้รับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น ลดการตอบสนองทางลบ เช่น ความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาหัวใจ 2. ลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจและหลอดเลือด คนที่มีความยืดหยุ่นทางจิตใจมักมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่น การออกกำลังกาย การกินอาหารสุขภาพ และการนอนหลับที่เพียงพอ ซึ่งลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ ช่วยลดการอักเสบในร่างกายที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ 3. สนับสนุนการฟื้นตัวจากโรคหัวใจ ความยืดหยุ่นช่วยให้ผู้ป่วยที่เคยเกิดหัวใจวายหรือมีภาวะหัวใจล้มเหลวสามารถปรับตัวกับความท้าทายและรักษาสุขภาพใจให้เข้มแข็ง การมองโลกในแง่บวกช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการดูแลตัวเอง เช่น การเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูหัวใจ (Cardiac Rehabilitation) 4. ส่งผลดีต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ช่วยรักษาสมดุลระหว่างระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System) และพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic Nervous System) ลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ทำให้หัวใจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ 5. ลดความเสี่ยงของพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อหัวใจ  ลดโอกาสของพฤติกรรมที่เกิดจากความเครียด เช่น…

Cold showers affect heart disease

การอาบน้ำเย็นในหน้าหนาวส่งผลต่อ “ระบบหัวใจและหลอดเลือด”

การอาบน้ำเย็นในหน้าหนาว ส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การอาบน้ำเย็นในหน้าหนาวอาจส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจหรือความผิดปกติของระบบหลอดเลือด 1. กระตุ้นการหดตัวของหลอดเลือด น้ำเย็นทำให้หลอดเลือดหดตัวทันที ส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือด 2. หัวใจเต้นเร็วขึ้น การสัมผัสน้ำเย็นกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ 3. ความเสี่ยงต่ออาการเจ็บหน้าอกหรือหัวใจขาดเลือด สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ การเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดจากความเย็นอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ 4. ภาวะช็อกจากอุณหภูมิ การอาบน้ำเย็นอย่างรวดเร็วในสภาพอากาศหนาวอาจกระตุ้นให้เกิดอาการช็อกในผู้ที่มีโรคประจำตัว คำแนะนำ ผู้ที่มีโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็นในหน้าหนาว ควรใช้น้ำอุ่นแทนน้ำเย็นเพื่อลดภาระต่อหัวใจ หากจำเป็นต้องอาบน้ำเย็น ควรเริ่มจากน้ำอุ่นก่อนแล้วลดอุณหภูมิลงอย่างช้าๆ หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือหัวใจเต้นผิดปกติ ควรหยุดทันทีและรีบไปพบแพทย์

ธนบุรี เสริมรัฐ_ปวดประจำเดือน เหมือนเจ็บหัวใจวาย_TSR

ปวดประจำเดือน เหมือนเจ็บหัวใจวาย ?

ปวดประจำเดือน เหมือนเจ็บหัวใจวาย ? เมื่อประจำเดือน ถูกเปรียบเทียบกับหัวใจวาย “ปวดท้องประจำเดือนเจ็บเท่ากับหัวใจวาย” เป็นคำพูดของ จอห์น กิลโบด์ (John Guilebaud) สูตินรีแพทย์จากมหาวิทยาลัยลอนดอน แต่การเปรียบเทียบนี้ไม่ใช่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เป็นเพียงการอธิบายให้เข้าใจถึงความรุนแรงของความเจ็บปวดที่ผู้หญิงบางคนอาจต้องเผชิญในช่วงประจำเดือน ความแตกต่างระหว่างปวดท้องประจำเดือนกับหัวใจวาย หัวใจวาย : มีลักษณะความเจ็บปวดแบบ “จุกเสียด” หรือ “แน่นหน้าอก” อาจเจ็บปวดร้าวไปถึงแขนหรือกรามปวดประจำเดือน : มักเจ็บบริเวณช่องท้องหรือส่วนล่างของร่ายกาย บางกรณีอาจเจ็บปวดจนถึงขั้นขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวันได้ ปวดท้องประจำเดือนแบบไหนที่อาจอันตราย ? หมั่นสังเกตลักษณะอาการประจำเดือนของเราว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เดือนนี้มาช้า เร็วกว่าปกติ มามากหรือน้อยกว่าปกติ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนให้เราต้องระวังสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ปวดรุนแรงมากเกินไป หากมีความเจ็บปวดที่รุนแรงมากจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ หรือไม่สามารถลุกจากเตียงได้ ควรปรึกษาแพทย์ ปวดท้องนานกว่าปกติ เริ่มปวดท้องก่อนมีประจำเดือนหลายวัน หรือแม้กระทั่งหมดรอบเดือนแล้วยังรู้สึกปวดท้องอยู่ ปวดแบบแปลก ๆ เช่น ปวดมากขึ้นในแต่ละเดือน ปวดท้องร้าวไปที่หลัง หรือขา มีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น เลือดออกมากผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ร่วมกับปวดท้องประจำเดือน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่เกี่ยวกับมดลูกหรืออวัยวะสืบพันธุ์ได้…

Heart disease or acid reflux

เช็กให้ชัวร์ เจ็บแน่นหน้าอกแบบนี้ “โรคหัวใจ” หรือ “กรดไหลย้อน”

เช็กให้ชัวร์! เจ็บแน่นหน้าอกแบบนี้ “โรคหัวใจ” หรือ “กรดไหลย้อน” อาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เป็นอาการเริ่มต้นของหลาย ๆ โรค อาจทำให้เกิดความสับสนใจ โดยเฉพาะ “โรคหัวใจ” และ “โรคกรดไหลย้อน” ซึ่งอาการของทั้ง 2 โรคนี้ มักเริ่มมาจากอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก และความไม่ชัวร์แบบนี้นี่เองที่อาจทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตรงกับโรคที่เป็น ความเหมือนและต่างระหว่าง โรคหัวใจ กับ โรคกรดไหลย้อน อาการของกรดไหลย้อน และโรคหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด บางครั้งอาจคล้ายกัน โดยเฉพาะเมื่อมีอาการเจ็บหน้าอก ทำให้แยกแยะได้ยากในบางกรณี อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโรคก็ยังมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันอยู่ อาการที่เหมือนกัน เจ็บหรือแน่นหน้าอก – ทั้งกรดไหลย้อนและโรคหัวใจ สามารถทำให้รู้สึกเจ็บหรือแน่นหน้าอกได้ โดยเฉพาะบริเวณกลางอกหรือส่วนบนของท้อง รู้สึกแสบร้อนกลางอก – กรดไหลย้อนมักมีอาการแสบร้อนกลางอก แต่ผู้ป่วยโรคหัวใจบางรายอาจมีอาการลักษณะคล้ายนี้ได้ อาการอื่นร่วมกัน – ทั้งสองโรคอาจทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวก อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือรู้สึกไม่สบาย อาการที่ต่างกัน กรดไหลย้อน เจ็บหน้าอกเวลาหายใจลึก ๆ หรือไอ…

ธนบุรี เสริมรัฐ_ดูแลหัวใจฤดูหนาว_TSR

ดูแลหัวใจในฤดูหนาว​

ดูแลหัวใจในฤดูหนาว หนาวแค่ไหนก็ต้องดูแลหัวใจตัวเอง เคล็ดลับดูแลหัวใจในฤดูหนาว ฤดูหนาวอาจเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย แต่ก็เป็นฤดูที่ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพหัวใจด้วยเหมือนกัน เพราะอากาศเย็นสามารถสร้างผลกระทบต่อหัวใจของเราได้ มาดูกันว่าทำไมความหนาวถึงมีผลกับหัวใจ หลอดเลือดหดตัวจากความหนาว เมื่ออากาศเย็น หลอดเลือดของเราจะหดตัวลง เพื่อรักษาความร้อนและเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะสำคัญต่าง ๆ เช่น สมองและหัวใจ ซึ่งการหดตัวนี้ จะทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพราะความดันโลหิตอาจเพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจของเราต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการสูบฉีดเลือด เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเฉียบพลัน อุณหภูมิต่ำอาจทำให้เกิดการอักเสบและการจับตัวของเกล็ดเลือด และอาจนำไปสู่การอุดตันในหลอดเลือดได้ อีกทั้งเมื่ออากาศเย็นร่างกายจะปล่อยฮอร์โมน เช่น อะดรีนาลีน ซึ่งจะกระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักขึ้นได้ ทำให้มีโอกาสในการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลับ หรือโรคหลอดเลือดสมองได้มากขึ้น ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลง ต่อมไทรอยด์มีหน้าที่สร้างฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเราอบอุ่น เมื่อไทรอยด์ทำงานน้อยลงก็จะทำให้ ความสามารถในการรักษาความอบอุ่นของร่างกายลดลง หัวใจจึงต้องทำงานหนักกว่าปกติเพื่อเพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย ระวังเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ แม้ว่าจะทำให้เรารู้สึกอบอุ่น แต่ขณะเดียวกันร่างกายจะสูญเสียความร้อนเร็วขึ้นนั่นเอง หนาวแล้วอย่าลืมป้องกันสุขภาพตัวเองด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น สวมเสื้อผ้าให้อบอุ่น โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกและศีรษะ รับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่น ไม่ออกกำลังกายในที่เย็นจัด เพราะการออกกำลังกายแบบนี้อาจทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป หากมีอาการหนาวสั่นร่วมกับอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของอันตราย ควรรีบไปพบแพทย์ หายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียง เจ็บหน้าอกโดยไม่มีสาเหตุ เหนื่อยล้ามากผิดปกติ การปรับตัวให้เหมาะสมและดูแลสุขภาพ จะช่วยให้หัวใจของเราแข็งแรง พร้อมที่จะมีความสุขได้ในทุกฤดูกาล หากใครมีวิธีดูแลหัวใจของคุณในหน้าหนาว