นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัท ธนบุรี เสริมรัฐ จำกัด (“บริษัท”) ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมทั้งสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และท่านในฐานะผู้ใช้บริการของบริษัทมีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เพื่อชี้แจงวิธีการและลักษณะที่บริษัทใช้สำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน   ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ยินยอมให้ข้อมูลกับบริษัทโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเพื่อการขอรับบริการจากบริษัทผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือช่องทางอื่นใดของบริษัท เช่น การนัดหมายแพทย์ การลงทะเบียนแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของบริษัท นอกจากนั้นบริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่น บุคคลในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดของท่าน บริษัทหรือบริษัท ในเครือข่ายของบริษัท ซึ่งรวมถึงตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ให้บริการของบริษัท หรือหน่วยงานภาครัฐในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไว้ หรือเป็นการเปิดเผยตามที่กฎหมายกำหนด

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมโดยตรงจากท่านหรือจากบุคคลที่สาม ดังต่อไปนี้

      • ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วันเดือนปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
      • ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล
      • ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการเกี่ยวกับห้องพัก และบริการเสริมอื่นๆ
      • ข้อมูลการสมัครรับข่าวสารและเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมสัมมนา ลงทะเบียนรับโปรโมชั่น
      • ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
      • ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของบริษัท เช่น IP Address, Cookies, นัดหมายแพทย์ออนไลน์
      • ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง และการวินิจฉัย
      • ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
      • ข้อมูลเกี่ยวกับความเห็นหรือข้อเสนอแนะ และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยความยินยอมของท่าน หรือการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างกัน หรือโดยประการใด ๆ เพื่อประโยชน์ โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท สำหรับวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

3.1 วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์
      • จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของบริษัท และการเข้าถึงบริการของท่าน ไม่ว่าทางออนไลน์หรือออฟไลน์
      • นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของบริษัท
      • การประสานงานและส่งต่อข้อมูลให้กับบริษัทในเครือข่าย และสถานพยาบาลอื่นซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วย มีความรวดเร็วขึ้น
      • การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
      • ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากบริษัท
      • วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่น การตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
      • รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในบริษัท
      • ปฏิบัติตามกฎของบริษัท
      • ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใด ๆ จากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน คำสั่งศาล หรือการร้องขออื่น ๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
      • วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจากท่านเป็นครั้งคราว
3.2 วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดของบริษัท

ซึ่งทางบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้ภายหลังจากที่ได้รับความยินยอมจากท่านแล้วเท่านั้น ได้แก่

      • อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
      • วัตถุประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับโปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
      • สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด และวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ
      • เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบคำถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการของบริษัท เช่น ปัญหาการใช้บริการ การเรียกร้องสัมภาระหรือความสูญหายใด

บริษัทอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือนอกประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนด และบริษัทจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้

4.1 บริษัทในเครือข่าย ธุรกิจคู่ค้า และธุรกิจพันธมิตร
4.2 ตัวแทนผู้ให้บริการ หรือคู่ค้าที่ให้บริการแก่บริษัท

หรือดำเนินการใด ๆ ในฐานะตัวแทนของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

      • หุ้นส่วนทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนนและสิทธิประโยชน์ และบริษัทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการแก่ท่าน หรือตอบสนองตามวัตถุประสงค์ข้างต้น
      • ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
      • เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานรักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
      • หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
      • หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่น ๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
5.1 บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็น​

เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ

5.2 บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาโดยคำนึงถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

​บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาโดยคำนึงถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติสำหรับแต่ละประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามกระบวนการและภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามนโยบายของบริษัท

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัท หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ตามรายละเอียดการติดต่อในข้อ 8. เพื่อยื่นคำร้องใช้สิทธิของท่านดังต่อไปนี้

6.1 ท่านมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลของท่านที่บริษัทเก็บรักษาไว้​

รวมถึงขอรับสำเนาข้อมูลและขอให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นหรือตัวท่านเอง ท่านมีสิทธิคัดค้าน หรือระงับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านได้

6.2 ท่านมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลของท่านที่ไม่ถูกต้อง​

หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ได้ และอาจขอให้ลบ หรือทำลาย หรือเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลของท่านในกรณีที่ไม่ได้ให้ความยินยอมได้

6.3 ในกรณีที่ท่านพบว่าบริษัทใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน​

ไม่เป็นไปตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ หรือไม่เป็นไปตามกฎหมาย ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้

6.4 ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล​

ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือโดยสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน

อย่างไรก็ตาม การที่ท่านได้เพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใด อาจส่งผลให้บริษัทมีข้อมูลไม่เพียงพอต่อการให้บริการตามความประสงค์ของท่านได้ และท่านอาจขาดความสะดวกในการได้รับบริการจากบริษัท

บริษัทจะใช้มาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัทที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การแก้ไข การเปลี่ยนแปลงหรือการเปิดเผยโดยไม่มีสิทธิ หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

หากท่านมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือต้องการใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทได้ ตามช่องทางดังต่อไปนี้

      • อีเมล : DPO@thonburisermrath.co.th
      • โทรศัพท์ : 02–220-7999 ต่อ 87200
      • หรือส่งไปรษณีย์มาที่ : เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท ธนบุรี เสริมรัฐ จำกัด 611 ถนนบำรุงเมือง แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100

บริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยทางบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ด้วยช่องทางที่เหมาะสม

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่  1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป