
น้ำตาลกับหลอดเลือด ความสัมพันธ์ที่อันตราย
หลอดเลือดก็เหมือนท่อส่งของที่ต้องทำงานอย่างไม่มีวันหยุด และหัวใจของเราสูบฉีดเลือดผ่านหลอดเลือดเหล่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ท่อนี้อุดตัน หรือเกิดความเสียหายก็จะส่งผลต่อร่างกายของเราทั้งหมด และน้ำตาลในเลือดที่สูงคือปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำลายหลอดเลือดของเราได้
แล้วทำไมโรคเบาหวานถึงเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ?
- ทำลายผนังหลอดเลือด ระดับน้ำตาลสูงจะทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพ แข็งตัวและทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้ยังทำให้การสะสมของไขมัน ลิ่มเลือด หรือเกิดแคลเซียมในผนังหลอดเลือด จนนำไปสู่การตีบแคบ หรืออุดตันของหลอดเลือดนั่นเอง
- ความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยเบาหวานมักมีปัญหาความดันโลหิตสูงร่วมด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจและหลอดเลือดของเราทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ความดันโลหิตสูงและมีหลอดเลือดที่ตีบแคบจะเพิ่มโอกาสที่ทำให้เกิดโรคหัวใจวายได้มากยิ่งขึ้น
- เกิดการอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้น นอกจากหลอดเลือดของเราจะอักเสบแล้ว ผู้ป่วยเบาหวานมักมีอาการอักเสบเรื้อรังในร่างกายส่วนอื่น ๆ อีกด้วย
อาการของผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
-
-
- หิวบ่อย กินจุกจิก
- คอแห้ง กระหายน้ำมากขึ้น
- ปัสสาวะบ่อยครั้งจนรบกวนการใช้ชีวิต เช่น ปัสสาวะกลางดึก
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- น้ำหนักลดหรือเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ
- เมื่อมีแผลจะหายยากกว่าปกติ
- สายตาพร่ามัว ชาปลายมือปลายเท้า
-
โรคเบาหานเป็นปัญหาสุขภาพที่พบเจอได้มากในปัจจุบัน และยังเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคอันตรายอื่น ๆ มากมายเช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดในสมอง
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร ?
- ทานผักเป็นอันดับแรก ก่อนมื้ออาหาร เพราะผักช่วยชะลอการย่อยและดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลไม่พุ่งสูงจนเกินไป
- เลือกอาหารที่มีค่าน้ำตาลต่ำ เช่น ผักสด ผลไม้บางชนิด ธัญพืช และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีค่าน้ำตาลสูง เช่น ขนมปังขาว น้ำตาลทราย
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้นำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน
- ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม
- นอนหลับให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับฮอร์โมนอินซูลินที่เป็นตัวควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่อาจส่งผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือดของเราได้